ของใหม่ VS ของเก่า

อะไรก็ตามที่เขียนว่า มาใหม่ล่าสุด หรือ New arival ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าจะได้ใช้สินค้าใหม่กว่าคนอื่นๆ หลังจากซื้อมาไม่นาน สินค้าชนิดนั้นๆก็จะตกรุ่น และไม่เป็นที่ต้องการอีก คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ครับว่า เราต้องเสียเงินเพิ่มในจำนวนที่สูงกว่า เพราะว่าเราต้องจ่ายเงินค่า New arival เพียงแค่คำๆนี้เท่านั้นครับ บวกกับความโก้เก๋เล็กน้อยที่เราต้องจ่ายเงินเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้าพวกเทคโนโลยี มาเร็วและไปเร็วมากครับ ลองคิดกันดูเล่นๆว่า เราหมดเงินไปกับของใหม่ชิ้นล่าสุดกันเป็นจำนวนเท่าไหร่ และอีกคำที่เรามักจะเห็นกันคือ Limited edition ที่ทุกแบรนออกมาทุกซีซัน จนเรียกว่าเกร่อ พอหมดแล้วก็ทำออกมาใหม่เรื่อยๆครับ ผมเองเคยหลงเชื่อคำเหล่านี้เช่นกัน แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ จะเกิดการเรียนรู้ที่ว่า ไม่ว่าจะใหม่จะเก่า ถ้าเป็นของที่ดีไซน์ตรงกับความต้องการของเรา เราจะมีความสุขที่เราใช้ เพราะของใหม่วันนี้คือ ของเก่าในวันหน้าครับ


ในขณะเดียวกัน อะไรก็ตามที่เป็นของเก่า เลิกผลิตแล้ว หายาก ก็เป็นที่ต้องการของนักช้อปเช่นกันครับ ยิ่งเก่ายิ่งแพง ยิ่งแอนทีคและมีประวัติเรื่องราวมากเท่าไหร่ มูลค่าของสินค้าก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน นั่นคือเราจ่ายมูลค่าของสินค้าให้กับคำว่าของเก่าหรือของหายาก เรื่องราวแบบนี้ของเรื่องของใจล้วนๆครับ ที่จะยินดีจ่ายหรือไม่

ปัจจุบัน ผมไม่ได้มองว่าสินค้าที่ออกมาวางจำหน่าย เป็นของชิ้นล่าสุด หรือตกรุ่นแล้ว แต่ถ้ามีดีไซน์ที่ผมชอบและมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบคลุม ราคาเหมาะสม ผมก็ยินดีที่จะซื้อ ไม่ว่าจะกระเป๋า มือถือ คอมพิวเตอร์ Ipod เสื้อผ้า ผมซื้อในแบบที่ผมชอบ คุ้มค่า และใช้ได้นาน ไม่ว่าจะตกไปแล้วอีกกี่รุ่น หรือมีของใหม่ออกมาอีกกี่ชิ้น ผมก็ยังภูมิใจในของที่เราได้เลือกมาอย่างดีแล้วว่า เหมาะสมกับเรามากที่สุด ไม่มีใครจะเลือกอะไรได้ดีที่สุดเท่ากับตัวเราเอง ผมเชื่ออย่างนี้มาตลอดครับ.